วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

สื่อโลกแฉ!!!ความร้ายกาจอภิสิทธิชน?? บอส-ทายาทกระทิงแดง เผ่นหนีคดีชน ดต.ตาย ไปใช้ชีวิตสุดหรูโผล่นอนรีสอร์ท1พันเหรียญสหรัฐต่อคืน

loading...


loading...

สื่อโลกแฉ!!!ความร้ายกาจอภิสิทธิชน???“บอส-ทายาทกระทิงแดง”เผ่นหนีคดีชน“ดต.”ตาย ไปใช้ชีวิตสุดหรูโผล่นอนรีสอร์ท1พันเหรียญสหรัฐต่อคืน



จากกรณี บอส นายวรยุทธ อยู่วิทยา อายุ 31 ปีซึ่งเป็นทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดง ผู้ต้องหาคดีชนแล้วหนีเมื่อปี 2555 โดยเป็นที่รับทราบกันว่า บอส ได้ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารีชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ วัย 48 ปี จนเสียชีวิตในขณะกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ บริเวณซอยสุขุมวิท 47 ซึ่งคดีดังกล่าวนี้กำลังจะหมดอายุความในเดือนกันยายน2560ปีนี้ ขณะเดียวกันได้ปรากฏข้อมูลจากสื่อระดับโลกอย่างเอพี ตีข่าวล่าสุดโดยอ้างว่าพบทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดงไปใช้ชีวิตอย่างหรูหรายังต่างประเทศ ซึ่งเนื้อหาข่าวของเอพีมีทั้งหมดดังนี้





 ทั้งนี้ศูนย์วิจัยข้อมูล สำนักข่าวเอพี ประจำกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานข่าวกรณี "บอส วรยุทธ อยู่วิทยา" อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่ม "กระทิงแดง" ผู้ต้องหาคดีชนแล้วหนีเมื่อปี 2555 ว่า คดีดังกล่าวกำลังจะหมดอายุความในปี 2560 ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 05.40 น. ของวันที่ 4 ก.ย 55 บุตรชายคนเล็กวัย 27 ปี ของ "เฉลิม อยู่วิทยา" เจ้าพ่อกระทิงแดง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารีพุ่งเข้าชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ วัย 48 ปี จนเสียชีวิตในขณะกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ บริเวณซอยสุขุมวิท 47

สำนักข่าวเอพีรายงานด้วยว่า คดีดังกล่าวประกอบด้วย 1. ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่น เสียหาย 2. ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 3. ขับรถขณะมึนเมาสุรา และ 4.ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที โดยในส่วนของข้อหาขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนดนั้นได้สิ้นสุดอายุความไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 3 ก.ย. 56 ส่วนข้อหาที่ร้ายแรงกว่าซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือนนั้นจะสิ้นสุดอายุความในเดือน ก.ย. 60 ขณะที่ข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทนั้นจะหมดอายุในอีก 10 ปีข้างหน้า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยแจ้งว่า "บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา" ต้องมาพบตามหมายเรียกเพื่อเริ่มรับฟังข้อกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค.นี้


 รายงานยังระบุต่อไปอีกว่า ถึงแม้จะมีการเชื่อในวงกว้างว่า ลูกเศรษฐีพันล้านของไทยอาจใช้การหลบในต่างประเทศ รวมถึงการอ้างเหตุผลว่าป่วย หรือการกบดานแบบเงียบเชียบในไทยเป็นฉากบังหน้า แต่จริงๆ แล้ว "บอส- วรยุทธ อยู่วิทยา" ไม่ใช่เป็นบุคคลที่ตามหาตัวยากอีกด้วย โดย ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอพี พบร่องรอยที่ได้จากจากโซเชียลมีเดียในช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า "บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา" เข้าพักที่รีสอร์ตหรูระดับราคา 1พันเหรียญสหรัฐต่อคืนในเมืองหลวงพระบางประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทยที่ถูกใช้เป็นสถานที่พักผ่อนของตระกูล "อยู่วิทยา"


 นอกจากนี้สำนักข่าวเอพี ยังรายงานพฤติกรรมของ "บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา" ตั้งแต่หลังเกิดเหตุว่า ถึงแม้ว่าคดีขับรถชนคนตายแล้วหนีของเขาจะถูกแขวนไว้ตั้งแต่ปี 2555 แต่ทว่าไลฟ์สไตล์ความเป็นลูกเศรษฐีเจ็ตเรดบูลของเขาไม่ได้หยุดตามไปด้วย โดยกว่า 120 โพสต์บนโลกโซเชียลมีเดียได้ชี้ว่า นับตั้งแต่ ด.ต.วิเชียร เสียชีวิต เขาได้เดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อย 9 ประเทศ โดยเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเกิดเหตุ "บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา" สามารถกลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบที่เคยเป็น เพราะมีการเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตเรดบูล, นั่งเก้าอี้ชั้น VIP ชมการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ ทั้งยังใช้กรุงลอนดอนเป็นสถานที่เก็บรถสปอร์ต "ปอร์เช่ คาร์เรรา" สีดำ ป้ายทะเบียนพิเศษ B055 RBR บอส เรดบูล เรซซิ่ง, การอยู่บนเรือสำราญไปตามอ่าวโมนาโก, เล่นสโนว์บอร์ดบนหิมะพาวเดอร์ในญี่ปุ่น


       รายงานดังกล่าว ยังชี้แจงด้วยว่าคดีของ "บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา" ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติในสังคมไทย เพราะในปี 2553 เคยมีคดีขับรถชนคนตายด้วยความประมาทจากทายาทลูกเศรษฐีตระกูลดังที่มีอิทธิพลมาแล้ว โดยในขณะนั้น "แพรวา-อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ในวัย 16 ปี ขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสารเส้นทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนทำให้มีผู้โดยสาร เสียชีวิต 9 ราย  เรื่องนี้ทำให้เอพีสรุปว่า ความไม่คืบหน้าคดีของ "แพรวา" และ "บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา" พิสูจน์ให้เห็นถึงตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างร้ายกาจของความมีอภิสิทธิชนเหนือคนธรรมดาของบรรดาตระกูลดังและลูกเศรษฐีต่างๆในประเทศ ไทยที่กลายเป็นข้อปฏิบัติมาเป็นเวลานาน



       อย่างไรก็ตามทีมข่าวDeepsTnews ยังคงต้องจับตาและเกาะติดคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งไว้ว่าได้ออกหมายเรียก  บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา มาพบตามหมายเรียกเพื่อเริ่มรับฟังข้อกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. ฉะนั้นต้องรอดูว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้(30มี.ค.)หรือไม่ และคดีนี้จะส่งฟ้องทันหมดอายุความหรือไม่ เหนืออื่นใดคนไทยต้องติดตามดูว่าสถานการณ์จะเป็นไปอย่างที่สื่อนอกตั้งข้อสังเกตุหรือไม่ 
ที่มา: http://www.tnews.co.th/contents/307258
loading...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น