ชาวเน็ตรุมจวกเก่ง ลายพราง เซลฟี่ในห้องขัง ตร.เต้นแจงวุ่น-สั่งลบรูปจากเฟซบุ๊กแล้ว
loading...
ชาวเน็ตรุมจวก‘เก่ง ลายพราง’เซลฟี่ในห้องขัง ตร.เต้นแจงวุ่น-สั่งลบรูปจากเฟซบุ๊กแล้ว
จากกรณีตำรวจสน.ห้วยขวาง จับกุมนายปัญญา ยิ้มอำไพ หรือเก่ง ลายพราง เน็ตไอดอลหนุ่มคนดัง อายุ 35 ปี คาด่านตรวจ ค้นในรถพบปืนพกสั้น ยี่ห้อ RUGER 1 กระบอก แมกกาซีน 1 อัน โดยจับกุมได้บริเวณจุดตรวจตรงถนนประชาอุทิศ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เหตุเกิดเวลา 05.30 น. วันที่ 1 มี.ค.
ต่อมา “เก่ง ลายพราง” ได้โพสต์ภาพในเฟซบุ๊ค Panya Yimumphai โดยเซลฟี่ภาพตัวเองนั่งอยู่ในห้องขัง พร้อมเขียนข้อความว่า “ผมขอโทดครับ ผมผิดเอง……. เหตุเกิดจากความเมาครับ!!!!!!”
ทำให้โลกโซเชี่ยลและชาวเน็ตจำนวนมากต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุใด “เก่ง ลายพราง” ที่ถูกตำรวจจับกุมและถูกคุมตัวในห้องขัง ถึงสามารถใช้มือถือเซลฟี่ตัวเองและโพสต์เฟซบุ๊กได้ พร้อมตั้งคำถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่อาจปล่อยปละละเลย
ล่าสุดพ.ต.อ.อาคม จันทราช รองผบก.อก.บช.น. รรท.ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่คุมตัวเก่ง ลายพราง ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก จากนั้นเก่ง ลายพรางได้เซลฟี่ตัวเองและโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กขณะอยู่ในห้องขัง ในเรื่องนี้ขอชี้แจงว่า หลังจากเก่ง ลายพรางโดนจับกุมและถูกคุมตัวไว้ในห้องขัง ได้ขออนุญาตพนักงานสอบสวนใช้โทรศัพท์มือถือ เพื่อติดต่อญาติให้มาประกันตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็อนุญาต เนื่องจากเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ให้เก่ง ลายพรางใช้โทรศัพท์มือถือกลับพบว่าได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองในห้องขังและโพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก ไม่ได้ใช้โทรติดต่อญาติแต่อย่างใด
พ.ต.อ.อาคม กล่าวอีกว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เห็นเก่ง ลายพรางใช้มือถือถ่ายเซลฟี่และโพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก จึงได้ยึดโทรศัพท์คืน ก่อนให้ลบรูปดังกล่าวออกจากเฟซบุ๊ก เพราะตามระเบียบห้ามถ่ายรูปในห้องขัง พร้อมว่ากล่าวตักเตือนเก่ง ลายพราง ที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม แต่เนื่องจากเห็นว่าอาจรู้เท่าไม่การณ์ จึงไม่ได้ดำเนินคดี โดยตอนนี้เก่ง ลายพรางยังถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังสน.ห้วยขวาง เนื่องจากยังไม่มีญาติมาประกันตัว ส่วนอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้ตรวจสอบพบมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตพกพา จึงต้องรอญาติของเก่ง ลายพรางมายื่นเรื่องประกันตัวอีกครั้ง
เครดิต : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_237003
loading...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น